• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่บรรลุเป้าหมาย เป็นเจ้าคนนายคนมักจะคิดอย่างงี้

Started by Beer625, April 05, 2023, 01:26:25 PM

Previous topic - Next topic

Beer625

ตอนที่ยังเป็นนักเรียน หลายท่านต่างเชื่อเสมอว่าหากได้ตั้งมั่นเรียน สอบติดแผนกที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี แล้วก็ยิ่งเป็นอาชีพที่คนไหนกันแน่ก็รู้จักยกตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิใจไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีจำนวนหลายชิ้นพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สบายยังเป็นอาชีพที่จัดว่า "มีหน้ามีตา" คนใดกันก็ต้อนรับกันหมด

แม้กระนั้นในโลกของข้อเท็จจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอ

และในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการระบุอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ออกจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะอะไร หากสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ เงินเดือนที่ไม่ได้มากอะไร ?"

คำถามนี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากมายเลย เนื่องจากว่ามันเต็มไปด้วยความคาดหวังที่มีความรู้สึกว่า

"เรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ว่าถ้าหากทดลองเปลี่ยนเป็นความนึกคิด "ฉันทำงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่ว่าถ้าหากคิดๆดูแล้ว มันได้การบันเทิงใจ มากกว่าการเสนอคำถามแบบแรกเพราะว่าเรื่องจริงของชีวิตเป็น

1. มนุษย์ทุกคนมีความเข้าใจในตัวเอง "ไม่เหมือนกัน" กันไปพวกเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก่งแบบเดียวกันหมด

2. ในรั้วสถานศึกษา- ม ห า วิ ท ย า ลั ยต่อให้พวกเราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งเพียงใด

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแต่ความรู้ในรั้วแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น พวกเรายังต้องรู้เรื่องอีกมาก

เรียนรู้กันอีก ย า ว ลองถูกลองผิดกันอีกเยอะด้วยเหตุนี้ จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จะต้องปฏิบัติงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจะต้องทำงานสายภาษา มันก็ผิดเสมอไป

3. มันคือเรื่องปกติที่มนุษย์เราจำเป็นจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆเรียนรู้ ค่อยๆปรับนิสัยไป สิ่งที่เรากำลังบันเทิงใจตอนนี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งเดี๋ยวนี้ ในในภายหน้า มันอาจเป็นแค่เพียงความทรงจำ

เนื่องจากอาจมีหลายเหตุให้คิดมากขึ้น ได้แก่ จำเป็นต้องพับโครงงานศึกษาต่อเอาไว้

เนื่องจากเงินไม่เพียงพอจำเป็นต้องดำเนินงานหารายได้ก่อน แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่เราถูกใจ ...

พวกเราต้องดูจังหวะของชีวิตด้วย (สิ่งที่จำเป็นของชีวิตแต่ละตอน


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนเราทางตรง แม้กระนั้นให้เราค่อยๆซึมจุดเด่นแต่อย่างไปเอง เช่น ฝึกหัดความอดทน, ฝึกฝนความวิจิตรบรรจง,

ฝึกความสามารถการเข้าสังคมในครั้งหนึ่งที่พวกเรามองไม่เห็นประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง เพียงพอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรมีบ้างล่ะที่เราคิดอะไรขึ้นมาจนจำเป็นต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นหนังสือเรียนอีกรอบ

ทุกวิชาความรู้ที่พวกเราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า แค่เราไม่เห็นค่ามันเอง ลองคิดดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราต้องมีช่องทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำหรับการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองกระทั่งเกินไป ตัวอย่างเช่น ถ้าวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าเกิดพวกเรามิได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้เช่นหัวใจในทันทีมันคือเรื่องปกติมากมายๆที่จะต้องแลกเปลี่ยนกับความเหน็ดเหนื่อย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดหากจะพบว่าเพราะเหตุใด ห ม อ

บางบุคคลถึงแต่งเพลงได้?

เพราะเหตุไรบางบุคคลเรียนวิชาชีพแต่มาเป็นศิลปิน?

เพราะเหตุใดบางคนเรียนไม่จบแม้กระนั้นบรรลุเป้าหมาย?

ถ้ายังไม่เข้าในข้อนี้ ลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกครั้งขึ้นชื่อว่า "ความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีไหมว่าทำอะไรอยู่?" แล้วก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม แล้วก็มีหลายมิติ ใช่ว่าต้องดูเพียงด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/