• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

ดูบอลออนไลน์

มวยพักยก

SBOBET

UFABET

poker online

ufa

ufabet

baccarat

sagame

UFABET

ที่นอน

รับทำเสื้อ

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Shopd2

#5101
ยินดีให้บริการ ทุกขนาดพื้นที่ ติดต่อ 080-022-3804
#5102
ขายบ้านบางระจัน 126วา ขายถูก โทร 0837124115
#5103
​​​​​​​https://katoacademy.com/facebook-ads/
สอนเฟสบุ๊ค สอนยิงแอดเฟสบุ๊ค
#5104


จับตา บริษัทประกันภัย เข้าเกณฑ์ขอผ่อนผันเกณฑ์ส่งเงินกองทุนตามความเสี่ยง (CAR) หลังยอดเคลมประกันโควิดพุ่ง 2 หมื่นล้านบาท แนะเปิดช่องให้บริษัท-ลูกค้าแปลงกรมธรรม์โดยสมัครใจ ช่วยลดโอกาสธุรกิจประกัน เดินตามรอย เอเชียประกันภัย 1950

ปัญหาการเคลมสินไหมประกันโควิด-19 แบบเจอจ่ายจบ ที่ทะลักเข้ามาจำนวนมาก นำมาซึ่งคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) หลังจากบริษัทฯ มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน มีฐานะการเงินไม่มั่นคงไม่สามารถดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด หากให้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือผู้เอาประกันภัย

 

บมจ.เอเชียประกันภัย 1950 เป็น 1 ใน 4 บริษัทประกันภัยที่ถูกร้องเรียนจากผู้ซื้อประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากการจ่ายค่าสินไหมประกันโควิด-19 ล่าช้าเกินกว่า 15 วันหลังจากส่งเอกสารให้กับทางบริษัทประกันภัยร่วมกับ บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด ซึ่งเดิมคือ สินทรัพย์ประกันภัย บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)

 

สำนักงานคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกมาตรการผ่อนผัน สําหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้สามารถดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนตามสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) ไม่ต่ำกว่า 120% ได้จนถึงสิ้นปี 2564 แต่ต้องปรับเพิ่มเป็น 140% ในวันที่ 1 มกราคม 2565 โดยทุกบริษัทต้องผ่านคุณสมบัติก่อนยื่นคำขอผ่อนผันกับคปภ.

ผวาโดมิโนประกันโควิด ยอดเคลมพุ่ง 2 หมื่นล้าน
ผวาโดมิโนประกันโควิด ยอดเคลมพุ่ง 2 หมื่นล้าน


หวั่นซ้ำรอย"เอเชีย ประกันภัย"     

แหล่งข่าวจากบริษัทประกันวินาศภัยรายหนึ่งเปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มมีโอกาสที่จะเห็นบริษัทประกันภัยในรายที่ถูกร้องเรียนเดินตามรอยของบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 อีกแน่นอน เพราะหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศ มีโอกาสที่จะเห็นยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับมาอีก แนวโน้มจึงมีความไม่แน่นอน ประกอบกับคนที่ได้รับวัคซีนแล้วจะประมาทในการการใช้ชีวิตด้วย

 

ในแง่ของความเสียหายจากค่าสินไหมทดแทนที่แท้จริงเมื่อสิ้นเดือนกันยายนนั้น น่าจะเกือบ 2.5 หมื่นล้านบาท ส่วนตัวเลขจ่ายเคลมสินไหมที่ออกมา 19,756.39 ล้านบาทนั้นเป็นตัวเลขที่ยังบันทึกไม่เต็มจำนวน โดยเฉพาะกรมธรรม์โควิด-19 แบบเจอจ่ายจบ ควรจะบริหารจัดการเคลมสินไหมไปก่อน เช่น ขอเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์บางส่วนเป็นแบบโคม่า 80% อีก 20% ยังเป็น เจอจ่ายจบ

 

 "สมมติความคุ้มครอง 50,000 บาท ขอแปลงกรมธรรม์เป็นกรณีโคม่า เสียชีวิตจ่าย 3 แสนบาท และเจอจ่ายจบจ่าย 10,000 บาท หากลูกค้าไม่สมัครใจ บริษัทควรยกเลิกธรรม์และคืนเงินกับลูกค้า เพราะเท่าที่ทราบ ตามหลักรับประกันภัย กรมธรรม์ใดไม่ควรเกิน 10% ของเงินกองทุน แต่รอบแรกบางบริษัทขายไป 30% ของเงินกองทุนแล้ว" แหล่งข่าวกล่าว

 

แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวว่า เมื่อบริษัทประกันภัยทำหน้าที่ดูแลลูกค้าจนเต็มที่แล้ว และยิ่งเห็นสถานการณ์บริษัทขาดทุน จึงควรเปิดช่องให้แต่ละบริษัทสามารถแจ้งลูกค้า เพื่อขอเปลี่ยนแปลง เพราะกรมธรรม์ทั่วโลกก็เขียนไว้ให้ลูกค้าและบริษัทสามารถแปลงหรือยกเลิกได้ โดยไม่ต้องรอให้บริษัทแจ้ง เพราะไม่เช่นนั้น กองทุนประกันภัยก็รับไม่ไหว ที่น่าห่วงคือ อนาคตยังยากต่อการคาดเดา และไม่รู้ว่ามีความเสี่ยงแค่ไหน ยอดผู้ติดเชื้อจะกลับมาเพียงใด

 

ส่วนกรณีที่คปภ.ออกมาตรการผ่อนผันเกี่ยวกับสภาพคล่องหรือเงินกองทุนให้บริษทประกันภัย อาจช่วยธุรกิจเพียงระยะสั้นๆ คือ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 เป็นการผ่อนผันเรื่องการจ่ายเคลมสินไหมและ CAR ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ขณะที่ปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มประสบภาวะง่อนแง่น ซึ่งในที่สุด อาจจะเห็นบริษัทเดินตามรอยเอเชียประกันภัย 1950 อีกแน่นอน

 

"เดอะวัน"รับขาดทุน

ด้านนายอรัญ ศรีว่องไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะวันประกันภัยกล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า บริษัทและผู้ถือหุ้นได้ดำเนินการเพิ่มทุนปรับปรุงสถานะบริษัทและในช่วงที่ผ่านมา และได้ยื่นขอผ่อนผ่อนเกณฑ์กับคปภ.แล้ว  โดยบริษัทฯจ่ายเคลมสินไหมโควิด-19 ไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท จากเบี้ยรับแค่ 500 ล้านบาท ขาดทุนเห็นๆ และยังเหลือกรมธรรม์แบบ เจอจ่ายจบ อีก 8 แสนฉบับ

นายอรัญ ศรีว่องไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะวันประกันภัย
นายอรัญ ศรีว่องไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะวันประกันภัย

 "บริษัททยอยจ่ายเคลมโควิด-19 ทุกวัน ซึ่งจะมีรายงานทุกสิ้นวัน ตอนนี้ผ่านช่วงพีคแล้ว จำนวนคนติดเชื้อก็ปรับลดลง แต่แนวโน้มยังคาดการณ์ยาก และเรายังรอคำตอบจากคปภ. ส่วนจะเห็นบริษัทประกันภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาตอีกหรือไม่นั้น  อาจจะมีอีกขึ้นกับแนวโน้มของจำนวนผู้ติดเชื้อด้วย"นายอรัญกล่าว

 

สำหรับผลดำเนินงานบมจ. เดอะวัน ประกันภัย บริษัทขาดทุนสุทธิในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ 147.78 ล้านบาท และ 100.11 ล้านบาท สำหรับงวด 3 เดือนและ 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ตามลำดับ ซึ่งบริษัทไม่ได้ตั้งสำรองความเสี่ยงภัยที่ยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากสำรองความเสี่ยงภัยที่ยังไม่สิ้นสุดที่ประมาณขึ้นของบริษัทมี 607.39 ล้านบาท จากสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 400.04 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนต่ำกว่าสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้

 

เพิ่มทุนใหม่รับมือเคลมประกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเชื่อว่า จำนวนสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ในภาพรวม ยังเพียงพอสำหรับสำรองความเสี่ยงภัยที่ยังไม่สิ้นสุดในภาพรวมระยะยาว โดยบริษัทมีจำนวนกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ที่มีผลบังคับใช้ 1,006,480 กรมธรรม์ อัตราส่วนความเสียหายหรือ Loss ratio ที่เกิดขึ้นของผลิตภัณฑ์คุ้มครองการติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่บริษัทได้จำหน่ายมานั้น มีค่าเฉลี่ยของความเสียหายอยู่ที่ 84%

 

ส่วนข้อสมมติฐานอัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss ratio) 100% ของสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ สำหรับกรมธรรม์ที่คุ้มครองการติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังมีผลบังคับอยู่ ทั้งนี้เนื่องจากฝ่ายบริหารของบริษัทเชื่อมั่นว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะสามารถควบคุมได้ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า

 

ทั้งนี้บริษัทมีผลขาดทุนสะสม  2,492.14 ล้านบาท ณ  30 มิถุนายน 2564 จากขาดทุนสะสม 2,392 ล้านบาท เมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2563 โดยผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มทุนในเดือนสิงหาคม 2564 จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและให้การดำรงเงินกองทุนของบริษัทให้เป็นไปตามกฎหมาย ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็น 2,840 ล้านบาท

 

คลังยันกองทุนประกันมั่นคง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า แม้มีการนำเงินจากกองทุนประกันวินาศภัยไปจ่ายชดเชยให้กับผู้เคลมประกันภัยโควิด หลังมีการเพิกถอนใบอนุญาตบริษัท เอเชียประกันภัย ก็ไม่ทำให้กองทุนฯ เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากยังมีเบี้ยประกันที่นำส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถบริหารจัดการกองทุนได้ปกติ ไม่มีปัญหาใดๆ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

 

"การสั่งปิดกิจการของบริษัทเอเชีย ทำให้ต้องใช้เงินจากกองทุนฯ มาจ่ายค่าสินใหมให้กับผู้เอาประกันที่ยื่นเคลมมา ตัวเลข ณ วันที่ 15 ตุลาคม อีกประมาณกว่า 16,000  ราย  ส่วนบริษัทประกันอื่นยังบริหารจัดการได้ไม่พบปัญหาขาดสภาพคล่อง โดยบริษัทที่มีปัญหาสภาพคล่อง มี 2 ราย ได้แก่ อาคเนย์ประกันภัย ซึ่งขณะนี้ก็ได้เพิ่มทุนแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาจนถึงขั้นต้องปิดกิจการเหมือน บริษัทเอเชียฯ"นายอาคมกล่าว

 

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,724 วันที่  21-23 ตุลาคม พ.ศ. 2564
#5108
ดัชนีดาวโจนสปิดเพิ่มขึ้น 152.03 จุด ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,609.34 จุด เพิ่มขึ้น 152.03 จุด หรือ +0.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,536.19 จุด เพิ่มขึ้น 16.56 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,121.68 จุด ลดลง 7.41 จุด หรือ -0.05%

ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทเน็ตฟลิกซ์ที่เปิดเผยจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 4.4 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.5 ล้านราย

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 1.56% และดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดีดตัวขึ้น 1.55% 


ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 66,000 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้  นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายพอล ทิวดอร์ โจนส์ ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ กล่าวว่า เขาชื่นชอบบิตคอยน์มากกว่าทองคำในฐานะเครื่องมือประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนปรับตัวขึ้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลงเนื่องจากแรงขายทำกำไร และเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า บริษัทจำนวน 82% ในดัชนี S&P 500 ที่ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว ต่างก็มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต
#5109
ยินดีให้บริการ ทุกขนาดพื้นที่ ติดต่อ 080-022-3804
#5110
สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด
#5111
"AAV" เปิดเผยแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นด้วยเงินทุนกว่า 14,000 ล้านบาท ผ่านการออกหุ้นกู้แปลงสภาพและหุ้นเพิ่มทุนใหม่ให้แก่ทั้งผู้ถือหุ้นรายใหม่และผู้ถือหุ้นปัจจุบัน เพื่อซื้อหุ้น "ไทยแอร์เอเชีย" ทั้งหมด และเพิ่มสภาพคล่องให้บริษัทรับ "เปิดประเทศ"

นายธรรศพลฐ์ เเบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า บริษัทฯพร้อมเต็มที่สำหรับการเดินทางที่จะกลับมา หลังสถานการณ์โควิด-19 โดยล่าสุด AAV ได้ทบทวนแผนการปรับโครงสร้างกิจการเดิม และกำหนดแผนขึ้นใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีเงินทุนหมุนเวียนและสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแผนการเปิดประเทศ ทั้งนี้ได้เจรจากับผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ต่างๆ ของ AAV และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด หรือ TAA ซึ่งคาดว่าแผนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1 ปี 2565

โดยแผนปรับโครงสร้างกิจการใหม่ AAV จะเพิ่มทุนจดทะเบียนและเสนอขายหุ้นให้นักลงทุนรายใหม่มูลค่าไม่เกิน 8,800 ล้านบาท ประกอบไปด้วยการเสนอขายแก่ AirAsia Aviation Limited ("AAA") มูลค่า 7,800 ล้านบาท และเสนอขายแก่นักลงทุนบุคคลธรรมดามูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 5,028,571,429 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท 

อีกทั้ง AAV จะออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 2 ราย มีอายุหุ้นกู้แปลงสภาพไม่เกิน 2 ปี อัตราแปลงสภาพคือหุ้นกู้แปลงสภาพ 0.00175 หน่วยแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น โดยเสนอขายให้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 1,200 ล้านบาท และ North Haven Thai Private Equity, L.P. มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเเปลงเป็นหุ้นสามัญรวมจำนวนไม่เกิน 1,257,142,857 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ทั้งนี้ นักลงทุนดังกล่าว ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ AAV ในระยะยาว และพร้อมจะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนเพิ่มเติมในอนาคตแก่ AAV

นอกจากนี้ AAV จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,714,285,714 หุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นรายเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) โดยมีอัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 5.7625 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 1.75 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท

โดยภายหลังการปรับโครงสร้างกิจการเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1 ปี 2565 นั้น  AAV จะเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน TAA โดยใช้เงินจากการระดมทุนดังกล่าวในการซื้อหุ้น TAA 

ทั้งนี้ นายธรรศพลฐ์ กล่าวถึงเหตุผลในการเสนอแผนใหม่สำหรับการปรับโครงสร้างกิจการและทุน เพื่อลดความซับซ้อนและเพิ่มความรวดเร็วในดำเนินการด้านเงินทุน รวมถึงได้เจรจากับผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ต่าง ๆ ของ AAV และ TAA แล้ว ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าทุกฝ่าย ทั้งนักลงทุนใหม่และผู้ถือหุ้นเดิมจะได้ประโยชน์ร่วมกันในแผนครั้งนี้ 

"ธุรกิจท่องเที่ยวเเละสายการบินกำลังฟื้นตัวและได้รับสัญญาณที่ดีสนับสนุนต่อเนื่อง การที่ผมและคณะกรรมการได้ทบทวนทุกแง่มุมเพื่อให้ได้ผลสรุปในการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ จะทำให้การดำเนินงานของ TAA กลับมาแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด ซึ่งหลังจากนี้ TAA จะเดินหน้าเพิ่มความถี่และเส้นทางบิน ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะกลับมาบินเส้นทางภายในประเทศครบ 100% ภายในเดือนมกราคม 2565 ในขณะที่พิจารณาเปิดเส้นทางระหว่างประเทศ ตามเเผนเปิดประเทศของรัฐบาลต่อไป" นายธรรศพลฐ์กล่าว
#5112
www.sctransformer.com
หม้อแปลง หม้อแปลงไฟฟ้า
#5113
โปรโมชั่นที่สุดแห่งปี ซื้อรถวันนี้ขับฟรี 6 เดือน  Mitsubishi Pajero Sport 2.4GT

สนใจติดต่อ
ธีรพัชร์ 0846623662
Add Line ID : teerapat999

#5114
ใคร ๆ ก็ไม่รัก ไปไหนมีแต่คนไม่ชอบหน้า ขาดเสน่ห์ ไม่มั่นใจ

น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตก แค่ท่องคาถา
เจิมที่หน้าผากตัวเรา บังเกิดออร่าน่าจับตามอง
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา
น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตกให้ทุกขวด ขวดละ 399 บาท
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ
ตะกรุดนะอกแตก เป็นมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาละลวย แก่มนุษย์ทั้งหญิงชายทั้งหลาย
คาถากำกับ
โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ
อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ
นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ
(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)
ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/34

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1867850932-s5770096982...

shopee https://shopee.co.th/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1...
#5115

'หุ้นไทย' ปิดตลาดวันนี้ (20 ต.ค.) เพิ่มขึ้น 7.16 จุด หรือ 0.44% มาอยู่ที่ 1,637.55 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.7 หมื่นล้าน โบรกฯ ชี้เป็นการฟื้นตัวทางเทคนิค คาดแนวโน้มตลาดวันพรุ่งนี้แกว่งในกรอบแคบ 1,630-1,643 จุด

ความเคลื่อนไหวของตลาด 'หุ้นไทย' วันนี้ (20 ต.ค.) ปิดตลาดดัชนี SET (SET Index) อยู่ที่ 1,637.55 จุด เพิ่มขึ้น 7.16 จุด หรือ 0.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67,918.45 ล้านบาท

ระหว่างวันเคลื่อนไหว 'สูงสุด' แตะระดับ 1,639.41 จุด และ 'ต่ำสุด' 1,632.62 จุด โดยเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งวัน


นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า SET Index ฟื้นทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลงทดสอบ 1,630 จุดแล้วไม่หลุด รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

สำหรับแนวโน้ม SET Index วันที่ 21 ต.ค.คาดแกว่งตัวในกรอบแคบ 1,630 - 1,643 เพราะการเข้าสู่ช่วงหยุดยาว และนักลงทุนรอดูผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 ของกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มพลังงาน