
หญ้าหวาน ใช้แล้วปลอดภัยไหม
อ้างอิงจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยวัตถุเจือปนอาหารขององค์การ อาหารและเกษตร และองค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ (JECFA) ได้ประเมินและกำหนดค่าความปลอดภัย (The Acceptable Daily Intake, ADI) ของสารสกัดจากหญ้าหวาน (Steviol glycosides) ไว้ที่ 4 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ในรูปของ Steviol Equivalents หมายความว่า หากเราน้ำหนัก 50 กิโลกรัม เราจะสามารถรับสารสกัดจากหญ้าหวานได้ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม/วัน แต่ในผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานแทนน้ำตาลตามท้องตลาด มีส่วนผสมของสารสกัดจากหญ้าหวาน(Steviol glycosides) เพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือประมาณ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาตรทั้งหมด เนื่องจากสารสกัดนั้นให้ความหวานที่มากกว่า น้ำตาลหลายร้อยเท่า เช่น ในน้ำเก็กฮวยยี่ห้อหนึ่ง มีหญ้าหวานประมาณ 0.03 % ใน 500 ml คิดเป็น 15 mg ต่อกล่อง นั่นหมายความว่า อาจจะต้องกินดื่มน้ำเก็กฮวย มากถึง 13 กล่องต่อวัน จึงจะได้รับหญ้าหวาน เกินปริมาณที่กำหนด ดังนั้นเมื่อนำมาใช้กับอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาลเพียงเล็กน้อย ก็ให้ความหวานเทียบเท่ากับน้ำตาลแล้ว ทำให้เราหมดความกังวลเรื่องที่จะได้รับสารสกัดเกินปริมาณที่กำหนด รวมถึงในปี ค.ศ. 2009 คณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USFDA) ได้ออกประกาศว่า หญ้าหวานได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าปลอดภัย (Generally Recognized As Safe, GRAS) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ประกาศให้สารสกัดสติวิออลไกลโคไซด์ เป็นวัตถุเจือปนอาหาร อีกด้วย ส่วนการศึกษาเกี่ยวกับการสะสมของสารสกัดจากหญ้าหวานจนเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งนั้น ก็ยังไม่พบว่า การใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาลจะทำให้เกิดมะเร็งได้ แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคสารสกัดจากหญ้าหวาน ก็ยังต้องระวังในคนที่แพ้พืชตระกูลเดียวกับหญ้าหวาน เช่น ดอกเบญจมาศ ดอกดาวเรือง เนื่องจากมีความเสี่ยงอาจแพ้หญ้าหวาน ด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่า สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร สามารถกินสารสกัดจากหญ้าหวานได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลไปก่อน และไปเลือกควบคุมปริมาณอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงแทน
ประโยชน์ของ สารสกัดหญ้าหวาน
แน่นอนว่าประโยชน์ของหญ้าหวานที่ทุกคนรู้กันก็คือ การใช้เป็นวัตถุดิบให้ความหวานแทนน้ำตาล ในอาหารและเครื่องดื่ม โดยที่ไม่ให้พลังงาน และไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ที่สารสกัดจากหญ้าหวานให้ผลเช่นนี้ เนื่องจากกระบวนการย่อยและดูดซึมของสารสกัดหญ้าหวาน ไม่ผ่านระบบย่อยอาหารส่วนต้น แต่จะเริ่มย่อยที่ลำไส้ใหญ่โดยแบคทีเรียในลำไส้ หลังจากนั้นถูกลำเลียงไปเผาผลาญที่ตับ จนสุดท้ายถูกขับออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะเป็นหลัก ไม่ถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ดังนั้นสารสกัดจากหญ้าหวาน จึงถูกนำมาใช้แทนน้ำตาล เพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก โดยการลดพลังงานที่ได้รับจากน้ำตาลของอาหาร และเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงประโยชน์ของสารสกัดจากหญ้าหวานในด้านอื่น ๆ เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ร่างกาย นำไปสู่การลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งได้ แต่ทั้งนี้ก็อาจมีปัจจัยเกี่ยวกับการที่ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล ทำให้พลังงานต่อวันลดลงจนมีน้ำหนักตัวลดลงตามมา ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่า ความอ้วน ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ ดังนั้นในการใช้สารสกัดจากหญ้าหวานช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งได้ จึงต้องมีการศึกษาต่อไปอย่างต่อเนื่อง กล่าวโดยสรุปคือ หญ้าหวาน เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลจากธรรมชาติ ที่สามารถนำมาใช้ในอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพ แต่ทั้งนี้การดูแลสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริง คือ การปรับพฤติกรรมของตัวเราเอง โดยลดอาหารหวาน มัน เค็ม หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูง มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความสมดุลของพลังงานต่อวัน ไม่ให้สะสมจนเกิดโรคได้ และอาจมีการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นตัวช่วยเล็กน้อย จะดีกว่าการเลือกใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นหลัก แต่ไม่ได้มีการปรับพฤติกรรมอะไรเลย เพราะนั่นอาจจะเป็นการดูแลสุขภาพที่ไม่ยั่งยืนก็เป็นได้