(https://image.makewebeasy.net/makeweb/0/GelngAlKs/Content/SH_herpes.jpg?v=202305101549)
'เริมที่ริมฝีปาก' เกิดจากอะไร
เริมที่ปาก (https://image.makewebeasy.net/makeweb/0/GelngAlKs/Content/SH_herpes.jpg?v=202305101549) หากใครเคยเป็น ก็คงจะทราบกันดีว่าเป็นโรคที่ไม่หายขาด พอเป็นแล้วก็มักจะเป็นซ้ำได้บ่อย ๆ โดยโรคเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า "Herpes Simplex Virus" ซึ่งเชื้อเริมที่ริมฝีปากนั้นจะเป็นไวรัสคนละสายพันธุ์กับเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ การติดต่อของเชื้อเริม โดยส่วนใหญ่มักพบว่า ติดต่อได้จากการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น ผ่านการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรง หรือการสัมผัสทางอ้อม เช่น การใช้หลอดดูดน้ำ แก้วน้ำ ช้อน หรือแม้แต่การรับประทานอาหารร่วมกัน โดยไม่ใช้ช้อนกลาง ก็อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเริมที่ริมฝีปากได้
รักษาเริมที่ปาก (https://www.mediscicenter.com/content/6633/herpes-simplex)การป้องกันการเป็นซ้ำในคนที่เพิ่งเป็นเริมที่ริมฝีปากครั้งแรก พบว่าการใช้ยารับประทานในรูปแบบของ "ยาฆ่าเชื้อไวรัส" สามารถช่วยลดโอกาสการเป็นซ้ำได้ค่อนข้างดี แต่สำหรับในผู้ที่เคยเป็นเริมมาแล้วหลายครั้ง การใช้ยารับประทานเพื่อป้องกันการเป็นซ้ำ อาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร สิ่งที่สามารถทำได้เพื่อลดโอกาสการเป็นซ้ำของกรณีนี้ คือการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย
การดูแลในเรื่องของอารมณ์ ความเครียด การได้รับสารอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มของวิตามินให้เพียงพอ ก็พบว่าช่วยลดโอกาสการเป็นซ้ำของเริมได้ค่อนข้างดี โดยวิตามินที่มีบทบาทในการช่วยเรื่องของภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรง และลดโอกาสการเป็นซ้ำของเริม ก็คือ วิตามินซี และวิตามินดี
ข้อควรแนะนำจากหมอคุณหมอแนะนำว่า ในคนที่เป็นเริมซ้ำบ่อย ๆ ควรที่จะรับประทานวิตามินซี วันละ 1,000 mg เป็นประจำทุกวัน ก็ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกายให้แข็งแรง ซึ่งนอกจากจะป้องกันการเป็นซ้ำของเริมแล้ว ยังช่วยป้องกันการเป็นหวัดอีกด้วย ในส่วนของวิตามินดี วิธีที่ดีที่สุด คือการที่ร่างกายได้รับแสงแดดอ่อน ๆ ทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีที่ผิวหนังได้ แต่บางรายที่มีภาวะติดเชื้อง่าย หรือเป็นเริมบ่อย ก็ควรที่จะไปเจาะเลือดเพื่อตรวจเช็กวิตามิน เพราะในบางรายที่มีค่าวิตามินดีต่ำมาก ๆ ก็อาจจำเป็นที่จะต้องให้เสริมในรูปแบบอาหารเสริมร่วมด้วย